ยะลา
ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

คำว่า ยะลา มาจากภาษาพื้นเมืองเดิมว่า ยะลอ ซึ่งแปลว่า “แห” เป็นเมืองชายแดนภาคใต้ที่มีความน่าสนใจทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชนต่างเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน และอิสลาม ตัวเมืองยะลามีการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้
เดิมยะลาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นเมืองขึ้นอยู่กับราชอาณาจักรไทยครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ในบริเวณแถบนี้ต่างก็ประกาศตัวเป็นอิสระ ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทยกทัพหลวงไปตีเมืองปัตตานี ในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกหัวเมืองปัตตานีเป็น ๗ หัวเมือง คือ เมืองปัตตานี เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก เมืองยะหริ่ง เมืองระแงะ เมืองรามัน และเมืองยะลาสำหรับเมืองยะลานั้น มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าเมืองหลายครั้ง ก่อนที่จะมีการประกาศยุบเลิกมณฑล ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยระเบียบแห่งราชอาณาจักรสยามในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ และกลายมาเป็นจังหวัดหนึ่งของไทยในที่สุด
จังหวัดยะลาเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ ๔,๕๒๑ ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดสงขลา ปัตตานี นราธิวาส และประเทศมาเลเซีย เป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ พื้นที่ราบมีน้อย ยะลาแบ่งการปกครองออกเป็น ๘ อำเภอ
คือ อำเภอเมือง อำเภอเบตง อำเภอบันนังสตา อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดปัตตานี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสงขลา
ทิศใต้ ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย
การเดินทาง
รถยนต์ ยะลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๑,๐๘๔ กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนเพชรเกษมผ่านเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข ๔๑ ผ่านทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่ และเดินทางต่อไปปัตตานีจนถึงยะลา
รถไฟ ยะลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๑,๐๕๕ กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถ กรุงเทพฯ - ยะลา ทุกวัน ทั้งรถด่วนและรถเร็ว รายละเอียดสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง โทร. ๑๖๙๐, ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔ สำรองตั๋วโดยสาร ๐ ๒๒๒๐ ๔๔๔๔ สถานีรถไฟยะลา โทร. ๐ ๗๓๒๑ ๑๗๔๘, ๐ ๗๓๒๑ ๔๒๐๗ หรือ http://www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง มีรถปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด บริการระหว่าง กรุงเทพฯ – ยะลา รถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. ๐ ๒๔๓๕ ๑๑๙๙, ๐ ๒๔๓๔ ๗๑๙๒, ๐ ๒๔๓๕ ๕๖๐๕ "http://www.transport.co.th" และบริษัทเอกชน บริการระหว่างกรุงเทพฯ – ยะลา – เบตง ติดต่อบริษัท สยามเดินรถ โทร. ๐ ๒๔๓๕ ๕๐๑๕, ๐ ๒๔๓๕ ๗๔๒๔ และบริษัท ไทยเดินรถ ๐ ๒๔๓๕ ๗๔๙๒
เครื่องบิน ไม่มีบริการเดินทางโดยเครื่องบินไปจังหวัดยะลาโดยตรง แต่การบินไทยมีบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ – หาดใหญ่ และเดินทางต่อไปยังจังหวัดยะลาโดยรถไฟ รถประจำทาง รถแท๊กซี่หรือรถตู้ปรับอากาศ สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด โทร. ๑๕๖๖, ๐ ๒๒๘๐ ๐๐๖๐, ๐ ๒๖๒๘ ๒๐๐๐, ๐ ๒๓๕๖ ๑๑๑๑ "http://www.thaiairways.com" สำนักงานหาดใหญ่ โทร. ๐ ๗๔๒๓ ๓๔๓๓ หรือ หจก.สายโสภา ยะลา โทร. ๐ ๗๓๒๑ ๒๕๘๒, ๐ ๗๓๒๑ ๕๘๓๐
ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่าง ๆ
อำเภอยะหา ๒๑ กิโลเมตร
อำเภอกรงปินัง ๒๒ กิโลเมตร
อำเภอรามัน ๒๖ กิโลเมตร
อำเภอบันนังสตา ๓๙ กิโลเมตร
อำเภอกาบัง ๔๐ กิโลเมตร
อำเภอธารโต ๖๑ กิโลเมตร
อำเภอเบตง ๑๔๐ กิโลเมตร
การเดินทางภายในอำเภอเบตงไปยังอำเภอและจังหวัดต่าง ๆ
รถตู้ไปหาดใหญ่ ค่าโดยสารคนละ ๒๐๐ บาท โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๐๑๙๓
รถตู้ไปยะลา ค่าโดยสารคนละ ๑๐๐ บาท โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๒๒๘๐
แท๊กซี่ไปยะลา ค่าโดยสารคนละ ๑๒๐ บาท โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๑๓๒๖,
๐ ๗๓๒๓ ๒๒๘๐
รถบัสไปยะลา ค่าโดยสารคนละ ๘๐ บาท โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๑๙๖๖
หมายเหตุ ราคาค่าโดยสาร อาจมีการเปลี่ยนแปลง
สถานที่น่าสนใจ
อำเภอเมือง
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ตั้งอยู่ถนนพิพิธภักดี หน้าศาลากลางจังหวัดยะลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยอดเสาหลักเมืองให้เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ภายในศาลประดิษฐานยอดเสาหลักเมือง ซึ่งสร้างด้วยแก่นไม้ชัยพฤกษ์สูง ๕๐ เซนติเมตร วัดโดยรอบที่ฐาน ๔๓ นิ้ว ที่ปลาย ๓๖ นิ้ว พระเศียรยอดเสาเป็นรูปพรหมจตุรพักตร์และเปลวไฟ บริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะ ร่มรื่น สวยงาม และจะมีการจัดงานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมือง ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๓๑ พฤษภาคม ของทุกปี
มัสยิดกลางจังหวัดยะลา เป็นมัสยิดใหญ่ประจำจังหวัดยะลา มัสยิดแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่สอดแทรกเส้นกรอบทรงสุเหร่าไว้ได้อย่างกลมกลืน ด้านหน้าเป็นบันไดกว้าง สูงประมาณ ๓๐ ขั้น ทอดสู่ลานชั้นบน หลังคาทรงสี่เหลี่ยมมีโดมใหญ่อยู่ตรงกลาง
สวนสาธารณะสนามช้างเผือก (สนามโรงพิธีช้างเผือก) อยู่ถนนพิพิธภักดี มีพื้นที่ ๘๐ ไร่ เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือก “พระเศวตสุรคชาธาร” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๑๑ ภายในสวนสาธารณะมีศาลากลางน้ำ รูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของจังหวัด
สวนขวัญเมือง หรือ พรุบาโกย อยู่ที่ถนนเทศบาล ๑ ห่างจากศาลหลักเมืองยะลาประมาณ ๓๐๐ เมตร มีเนื้อที่ประมาณ ๒๐๗ ไร่ จัดให้เป็นสนามกีฬาและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง จุดเด่นอยู่ที่สระน้ำใหญ่เนื้อที่ ๖๙ ไร่ ซึ่งเทศบาลเมืองยะลาได้ตกแต่งพื้นที่โดยรอบเป็นหาดทรายและทิวสนจำลองทัศนียภาพของหาดทรายชายทะเลมาไว้ให้ชาวเมืองได้พักผ่อนหย่อนใจเนื่องจากจังหวัดยะลาไม่มีพื้นที่ติดต่อกับชายทะเล นอกจากนี้ยังเป็นที่จัดกิจกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียง มีสนามแข่งขันนกเขาชวาเสียงที่ใหญ่และมีมาตรฐานที่สุดในภาคใต้
ถ้ำแม่นางมณโฑ อยู่ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ ๖ กิโลเมตร บนถนนสายยะลา-ยะหา หรือถึงก่อนวัดถ้ำคูหาภิมุขเพียง ๑ กิโลเมตร สามารถติดต่อคนนำทางได้ที่เชิงเขา และเดินเท้าขึ้นเขาผ่านป่าละเมาะและเหมืองหินอ่อนไปยังถ้ำราว ๑๕ นาที ภายในถ้ำคล้ายห้องโถงใหญ่มีทางเดินทะลุกันได้ บางช่วงมืดมากจึงจำเป็นต้องนำไฟฉายติดตัวไปด้วย จุดเด่นอยู่ที่สุดปลายถ้ำ ซึ่งมีหินงอกขนาดสูงใหญ่ มีลักษณะคล้ายผู้หญิงนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้
พระพุทธไสยาสน์วัดคูหาภิมุข หรือ วัดหน้าถ้ำ เป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ เช่นเดียวกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และพระบรมธาตุไชยาที่สุราษฎร์ธานี แสดงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าถ้ำ ห่างจากตัวเมือง ๘ กิโลเมตร ตามเส้นทางไปอำเภอยะหา บริเวณวัดร่มรื่นมีธารน้ำไหลผ่าน บันไดขึ้นไปยังปากถ้ำมีรูปปั้นยักษ์ ชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าเขา” สร้างโดยช่างพื้นบ้านเมื่อปี ๒๔๘๔ ภายในถ้ำมีลักษณะคล้ายห้องโถงใหญ่ ดัดแปลงปรับปรุงเป็นศาสนสถาน มีปล่องที่เพดานถ้ำยามแสงแดดส่องลงมาดูสวยงามมาก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่ปี พ.ศ.๑๓๐๐ เป็นพระพุทธไสยาสน์สมัยศรีวิชัย มีขนาดความยาว ๘๑ ฟุต ๑ นิ้ว เชื่อกันว่าเดิมเป็นปางนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพราะมีภาพนาคแผ่พังพานปกพระเศียร ต่อมาจึงได้ดัดแปลงเป็นพระพุทธไสยาสน์แบบหินยาน
ถ้ำศิลป์ ใช้เส้นทางเดียวกับวัดถ้ำคูหาภิมุข แต่ต้องเดินทางต่อไปอีกราว ๑ กิโลเมตร มีแยกซ้ายไปอีก ๑ กิโลเมตร ผ่านโรงเรียนบ้านถ้ำศิลป์ ไปเล็กน้อยด้านซ้ายมือมีทางเดินเล็ก ๆ ไปยังภูเขาริมถนน มีบันไดขึ้นไปยังปากถ้ำซึ่งสูงจากพื้นดิน ๒๘ เมตร เป็นถ้ำเล็ก ๆ ภายในถ้ำมืดมาก มีภาพจิตรกรรมเก่าแก่บนผนังถ้ำ แต่ลบเลือนไปมากแล้ว เป็นภาพพระพุทธเจ้าปางต่าง ๆ และมีรูปผู้หญิงยืนเป็นหมู่สามคน เป็นภาพเขียนสมัยศรีวิชัยตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ การชมถ้ำต้องนำตะเกียงหรือไฟฉายไปด้วย
อำเภอบันนังสตา
อุทยานแห่งชาติบางลาง ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบันนังสตา อำเภอธารโต และอำเภอเบตง มีเนื้อที่ ๑๖๓,๑๒๕ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ พื้นที่อุทยานบางส่วนครอบคลุมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา เนื่องจากในอดีตเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) และขบวนการพูโลในอดีต ผืนป่าจึงยังคงความสมบูรณ์และปราศจากการสำรวจมาเนิ่นนาน
ความหลากหลายทางพรรณไม้ในผืนป่าบางลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี คลองโต๊ะโมะ คลองฮาลา และคลองบ้านเจ็ด เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น กระซู่ สมเสร็จ นกเงือกหัวแรด นกขนหิน และสัตว์ป่าอื่น ๆ อีก หลายชนิด อุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น เขื่อนบางลาง น้ำตกฮาลาซะ น้ำตกธารโต และน้ำตกละอองรุ้ง ซึ่งแต่ละแห่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่อุทยาน
เขื่อนบางลาง ตั้งอยู่บ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง ห่างจากจังหวัดยะลาไปตามทางหลวงหมายเลข ๔๑๐ ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายไปอีก ๑๒ กิโลเมตร เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง ๘๕ เมตร สันเขื่อนยาว ๔๒๒ เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ ๑,๔๒๐ ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนบางลาง เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๒๔
บริเวณเหนือเขื่อนในบริเวณที่ตั้งของสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีจุดชมทิวทัศน์มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำและทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ติดต่อบ้านพักรับรอง หรือ บริการล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาบเหนือเขื่อน โทร. ๐ ๗๓๒๘ ๑๑๒๙-๓๐, ๐ ๗๓๒๘ ๑๐๖๓-๖ ต่อ ๒๒๐๖, ๒๒๐๙, ๒๒๐๕
ถ้ำกระแชง ตั้งอยู่ที่บ้านกาโสด ตำบลบันนังสตา ห่างจากจังหวัดยะลา ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๐ ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร เลยแยกปากทางเข้าเขื่อนบางลางไปเล็กน้อย แล้วแยกซ้ายเข้าไปตามทางลูกรังอีก ๑.๕ กิโลเมตร มีทัศนียภาพของภูเขา ธารน้ำและถ้ำลอดที่สวยงาม ในช่วงที่น้ำน้อยสามารถเดินเลาะเลียบตามลำธารลอดถ้ำไปทะลุอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โล่ง โอบล้อมด้วยภูเขาและแมกไม้เขียวขจี มีทัศนียภาพสวยงาม และมีถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงกับถ้ำกระแชงอีก ๓ ถ้ำ ได้แก่ ถ้ำลูกอม ถ้ำน้ำลอด และถ้ำพระ
น้ำตกสุขทาลัย (น้ำตกกือลอง) อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ บนเขาปกโยะ ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ตามเส้นทางสายยะลา-เบตง แยกซ้ายอีกประมาณ ๘ กิโลเมตร น้ำตกนี้ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ มี ๕ ชั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงพระราชทานนามน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกสุขทาลัย” เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงาม และมีแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำได้
อำเภอธารโต
น้ำตกธารโต อยู่ที่ตำบลถ้ำทะลุ ห่างจากตัวเมืองยะลาไปตามถนนสายยะลา-เบตง (ทางหลวง ๔๑๐) กิโลเมตรที่ ๔๗-๔๘ มีทางแยกขวาไปอีกราว ๑ กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ๗ ชั้น มองเห็นเป็นทางน้ำที่ไหลลดหลั่นมาจากภูเขาสูง มีแอ่งน้ำซึ่งสามารถเล่นน้ำได้ โดยรอบร่มรื่นไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจมากมายรวมทั้งต้นศรียะลา หรืออโศกเหลือง ซึ่งจะออกดอกชูช่อสีเหลืองสวยงามในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
น้ำตกละอองรุ้ง เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่ออำเภอธารโตและอำเภอเบตง ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางยะลา-เบตง ประมาณ ๙๐ กิโลเมตร หรือก่อนถึงอำเภอเบตงประมาณ ๔๐ กิโลเมตร จะมีถนนดินแยกขวาเข้าน้ำตกไปอีก ๑๐๐ เมตร ทางเดินเท้าซึ่งลัดเลาะไปตามลำธารเพื่อชมน้ำตกค่อนข้างลื่นควรใช้ความระมัดระวัง น้ำตกเกิดจากสายน้ำที่ไหลแรงจากยอดเขาตกกระทบก้อนหินเบื้องล่างเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายชุ่มชื้นไปทั่วบริเวณ จะดูสวยงามมากยามต้องแสงแดดและเกิดเป็นรุ้งสีสวยอันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้
หมู่บ้านซาไก อยู่ที่หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “เงาะซาไก” เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพรและเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไกเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยางและได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอใช้คำว่า “ศรีธารโต” ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๙ ห่างจากตัวเมืองมาตามเส้นทางสู่เขื่อนบางลางและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อำเภอธารโต บริเวณหมู่บ้านจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เครื่องใช้ และอนุสาวรีย์วีรชนของ จคม.แวดล้อมด้วยลำธารและสภาพภูมิประเทศสวยงาม นอกจากนี้ยังมีฟาร์มกวางดาว สถานที่กางเต็นท์ และบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว
อำเภอรามัน
น้ำตกบูเก๊ะปิโล (น้ำตกตะวันรัศมี) ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ ๑๙ กิโลเมตร ไปตามเส้นทางยะลา-โกตาบารู เลี้ยวเข้าตำบลโกตาบารู ถึงตำบลท่าเรือประมาณ ๒ กิโลเมตร เลี้ยวเข้าถนนหมู่บ้านประมาณ ๒ กิโลเมตร จะถึงทางเข้าน้ำตกเข้าไปประมาณ ๕๐๐ เมตร น้ำตกตะวันรัศมีเป็นน้ำตกที่สวยงามแตกต่างจากน้ำตกอื่น ๆ เพราะเมื่อแสงแดดกระทบกับสายน้ำ จะทำให้สีของหินใต้แอ่งน้ำเป็นสีเหลืองสวยงาม
อำเภอเบตง
คำว่า เบตง มาจากภาษามลายู แปลว่า ไม้ไผ่ เป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ห่างจากตัวเมืองยะลาเป็นระยะทางประมาณ ๑๔๐ กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๐ โดยเฉพาะเส้นทางช่วงระหว่างอำเภอธารโต-เบตง เป็นเส้นทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา มองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบ ป่าไม้และสวนยาง ตัวเมืองเบตงตั้งอยู่ในโอบล้อมของขุนเขาอากาศเย็นสบาย มีฝนตกชุก และมักมีหมอกปกคลุมในยามเช้า จนได้รับสมญานามว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม” เป็นอำเภอใหญ่ที่มีความเจริญ ชาวมาเลเซียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งในและนอกตัวเมืองมากมาย
การเดินทาง จากอำเภอเมืองยะลาไปเบตง มีบริการรถบัสหรือแท็กซี่ คิวรถอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟยะลา รถออกทุก ๑ ชั่วโมงระหว่างเวลา ๐๖.๐๐-๑๗.๐๐ น. หากเดินทางจากหาดใหญ่ มีบริการรถตู้ปรับอากาศไปยะลาและเบตง รถออกเวลา ๐๘.๐๐ น. ๑๐.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. หากเดินทางจากกรุงเทพฯ มีบริการรถโดยสารไปยังยะลาและเบตง ติดต่อสถานีขนส่งสายใต้ โทร. ๐ ๒๔๓๕ ๑๑๙๙ หรือบริษัท เดินรถเอกชน มีรถโดยสารออกเดินทางทุกวัน
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่บนเนินเขาในตัวเมืองเบตง บริเวณวัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ลักษณะเจดีย์ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ สีทองอร่าม สูง ๓๙.๙ เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา จากเจดีย์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงอีกมุมหนึ่งได้สวยงาม
สวนสุดสยาม หรือ สวนสาธารณะเทศบาลตำบลเบตง มีพื้นที่ประมาณ ๑๒๐ ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขากลางเมืองเบตง เป็นจุดชมทัศนียภาพของเมืองเบตง ประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนนก สวนสุขภาพ สนามกีฬา สระว่ายน้ำ และสนามเด็กเล่น เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย หากเดินทางจากสวนสาธารณะเลยไปอีก ๗ กิโลเมตร จนสุดถนนสุขยางค์จะถึงจุดใต้สุดของประเทศไทย ซึ่งมีถนนเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซีย
ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ ๙ เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
นกนางแอ่น ยามพลบค่ำบนท้องฟ้าในย่านชุมชนกลางเมืองเบตงจะเต็มไปด้วยนกนางแอ่นที่บินมาอาศัยหลับนอนเกาะอยู่ตามอาคารบ้านเรือนและสายไฟฟ้าอยู่มากมาย โดยเฉพาะที่บริเวณหอนาฬิกาซึ่งประดับด้วยไฟฟ้าสว่างไสวตลอดคืน จะมีนกหนาแน่นเป็นพิเศษ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบตง นกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวมาจากไซบีเรีย จะพบเห็นเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม
บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน้ำพุเดือดขึ้นมาจากพื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ ก่อนถึงอำเภอเบตง ๕ กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข ๔๑๐ มีทางแยกขวาไปอีก ๘ กิโลเมตร ตรงจุดบริเวณที่น้ำเดือดสามารถต้มไข่สุกภายใน ๗ นาที มีบริการห้องอาบน้ำแร่ ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยและรักษาโรคผิวหนังได้
น้ำตกอินทสร อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง ๑๕ กิโลเมตร หรือเลยจากบ่อน้ำร้อนเบตงไปอีก ๒ กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากภูเขา รอบบริเวณปกคลุมด้วยป่าไม้ร่มรื่น และมีแอ่งน้ำสามารถว่ายน้ำเล่นและพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
อุโมงค์ปิยะมิตร อยู่ที่บ้านปิยะมิตร ๑ ตำบลตะเนาะแมเราะ ใช้เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนและน้ำตกอินทสร แต่อยู่เลยบ่อน้ำร้อนไปอีก ๔ กิโลเมตร บริเวณนี้เป็นหมู่บ้านของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เดิมเคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (เขต ๒) อุโมงค์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นอุโมงค์คดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ ๑ กิโลเมตร ความกว้างประมาณ ๕๐-๖๐ ฟุต ใช้เวลาในการขุด ๓ เดือน มีทางเข้าออกหลายทาง ใช้เป็นที่หลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียง บริเวณนี้จัดให้มีนิทรรศการแสดงภาพประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตภายในป่า เปิดให้เข้าชมเวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๓๐ น.
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา หรือ สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ ส่วนที่ ๒ เป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณ สัตว์ป่าและนกหายากนานาชนิด และเป็นที่อาศัยของคนป่าเผ่าซาไก มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ในแนวรอยต่อระหว่างจังหวัดยะลาและนราธิวาส เป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำในเขื่อนบางลาง นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมธรรมชาติของขุนเขา ป่าไม้และสายน้ำ โดยติดต่อเช่าเรือได้ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๔๕ ถนนสุขยางค์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมศึกษาธรรมชาติให้ทำหนังสือล่วงหน้าถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ล่วงหน้า ๑๕ วัน ที่ตู้ ปณ.๓
อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ๙๖๑๖๐
น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวง ใช้เส้นทางหมายเลข ๔๑๐ ระหว่างอำเภอธารโตและอำเภอเบตง แยกขวาช่วงกิโลเมตร ๓๒-๓๓ ไปตามทางลูกรังอีก ๓ กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงกว่า ๓๐ เมตร รอบบริเวณปกคลุมไปด้วยพรรณไม้เขียวขจี
เทศกาลงานประเพณี
งานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ยะลาเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ตอนล่างที่นิยมเสียงของนกเขาและยังเชื่อว่า นกเขาเป็นสัตว์มงคลที่จะนำโชคลาภมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ โดยเฉพาะหากเป็นนกเขาที่มีลักษณะถูกต้องตามตำรา ด้วยเหตุนี้ทางเทศบาลเมืองยะลาร่วมกับชมรมผู้เลี้ยงนกเขาชวาจังหวัดยะลา จึงจัดให้มีการแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์อาเซี่ยน ครั้งที่ ๑ ขึ้นในประเทศไทย เมื่อปี ๒๕๒๙ ต่อมาได้จัดเป็นงานเทศกาลประจำปีของจังหวัดยะลา ณ บริเวณสนามสวนขวัญเมือง ในวันเสาร์-อาทิตย์ แรกของเดือนมีนาคม ทุกปี
งานสมโภชเจ้าพ่อหลักเมืองและงานกาชาดจังหวัดยะลา กำหนดการจัดงานในวันที่ ๒๔ พฤษภาคมถึงวันที่ ๔ มิถุนายนของทุกปี ในงานจะมีขบวนแห่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจำลอง มีการออกร้านนิทรรศการและแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ของส่วนราชการ การแสดงมหรสพพื้นบ้าน เช่น มโนราห์ หนังตะลุง
ลิเกฮูลู โดยจัดงานบริเวณวงเวียนรอบศาลหลักเมือง
อาหารและสินค้าพื้นเมือง
ส้มโชกุน เป็นไม้ผลเศรษฐกิจของเบตง ลักษณะคล้ายส้มเขียวหวาน รสชาติเข้มข้น และเนื้อนุ่มอร่อย
กล้วยหิน ผลคล้ายกล้วยน้ำว้า เมื่อนำมาต้มหรือฉาบ ได้รสชาติที่มันอร่อยแตกต่างจากกล้วยน้ำว้า
หมี่เบตง เป็นเส้นหมี่เหลือง ที่ปรุงแล้วมีความเหนียวนุ่ม น่ารับประทาน
ซีอิ๊วเบตง ทำจากถั่วเหลืองด้วยกรรมวิธีที่ค่อนข้างพิถีพิถัน ชาวเบตงมักมีไว้ประจำครัวเรือน
ผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพารา เช่น เฟอร์นิเจอร์ ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ รูปทรงสวยงามทันสมัย
ผลิตภัณฑ์หินอ่อน ทำจากเนื้อหินอ่อนสีชมพูสวยงาม
ผ้าบาติก ลวดลายสีสรรสวยงดงาม สดใส
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเบตงมักไม่พลาดที่จะแวะชิมอาหารจานเด็ดของเบตง ซึ่งได้แก่
ไก่สับเบตง ปรุงจากไก่พันธุ์พื้นเมือง ราดด้วยซีอิ๊วขาว
ปลาจีนนึ่งบ๊วย เป็นปลาที่เลี้ยงเฉพาะในเบตง และนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด
เคาหยก อาหารที่ทำจากเนื้อหมูสามชั้นนำมาอบกับเผือก
ผักน้ำ เป็นผักที่ปลูกตามธารน้ำไหล มีเฉพาะในเบตง นำมาปรุงโดยการต้มจืด หรือผัดน้ำมัน
ร้านจำหน่ายของที่ระลึกในอำเภอเบตง
เฉินกวาง แซ่อู๋ สมุนไพร ๒๒ ถนนสุขยางค์ โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๑๙๑๘ สมุนไพร
อินเตอร์รังนก ๘๘ ถนนสุขยางค์ โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๑๘๔๗, ๐ ๗๓๒๓ ๒๓๕๔ รังนกนางแอ่น, สินค้าพื้นเมือง
ฟูกูเส้ง สมุนไพร ถ.สุขยางค์ โทร. ๐ ๗๓๒๓ ๑๘๑๑
ตัวอย่างรายการนำเที่ยว
ยะลา-เบตง
(๑ คืน ๒ วัน)
วันแรก
๐๗.๓๐ น. ออกจากที่พัก อ.เมืองยะลา แวะชมตลาดสดเมืองยะลาและวิถีชีวิตชาวบ้าน
๐๘.๐๐ น. ออกเดินทางไปวัดคูหาภิมุข นมัสการพระพุทธไสยาสน์ ชมความงดงามภายในถ้ำ
๑๐.๐๐ น. ชมน้ำตกธารโต เล่นน้ำและพักผ่อนบริเวณน้ำตก
๑๒.๐๐ น. แวะรับประทานอาหารกลางวัน บริเวณเขื่อนบางลาง
๑๓.๓๐ น. ชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลาง
๑๖.๐๐ น. เยี่ยมชมอุโมงค์ปิยะมิตร
๑๗.๐๐ น. แวะอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน ณ บ่อน้ำพุร้อนเบตง
๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารค่ำและสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนของเบตง
วันที่สอง
๐๕.๓๐ น. ออกจากที่พัก อ.เบตง ชมบรรยากาศยามเช้า ณ สวนสุดสยามและรับประทานอาหารเช้า
ชมตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
๐๘.๐๐ น. แวะสักการะพระบรมธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ณ วัดพุทธาธิวาส
๑๐.๓๐ น. ชมสวนส้มโชกุน
๑๑.๐๐ น. เยี่ยมชมสวนไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
พร้อมสัมผัสความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาว
๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ปากบางล่องแก่ง
๑๓.๓๐ น. ผจญภัยกับการล่องแก่งลำธารเบตง ณ ปากบางล่องแก่งและสัมผัสกับน้ำตกธรรมชาติ
ที่สวยงาม
๑๕.๐๐ น. ชมหมู่บ้านจุฬาภรณ์ ๖ และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
หมายเหตุ นอกจากการล่องแก่งแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ปีนผา การตกปลา และมีที่พักแรมพร้อมร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. ๐ ๗๓๒๐ ๑๐๕๙, ๐ ๙๒๙๗ ๘๔๓๕
ขอขอบคุณข้อมูล และรายละเอียดจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย